ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่อยากมีเงินเก็บเพิ่ม ห้ามพลาดตอนนี้เด็ดขาด !! วันนี้เราจะว่ากันด้วยเรื่อง "5 ข้อต้องรู้ เพื่อเพิ่มเงินเก็บให้คุณแบบมหาศาล !!" เพราะไม่ว่าคุณจะมีเงินเยอะ หรือเงินน้อย เชื่อว่าหลายคนก็อยากที่เพิ่มเงินเก็บของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น แต่จะทำได้อย่างไรล่ะ?! หากคุณรู้ 5 วิธีนี้แล้ว รับรองว่าคุณก็สามารถทำตามได้ และเพิ่มเงินเก็บมากขึ้นได้แน่นอน ไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
5 วิธีเพิ่มเงินเก็บมหาศาล
ข้อ 1 เพิ่มแรงเสียดทานในการใช้เงิน
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ ผมว่ายกตัวอย่างดีกว่า ตัวอย่าง คือ ขนมครับ สมมุติว่าวันเนี้ย คุณซื้อขนมมาแล้ว ซื้อจากนอกบ้านมาน่ะ ขนมที่คุณชอบนะครับ แล้วคุณก็เอามาไว้แบบบนเคาน์เตอร์น่ะ บนอะไรก็แล้วแต่ ที่คุณเห็นได้ง่าย ๆ ใช่ไหมครับ กับระหว่างคุณไม่ได้ซื้อเข้ามา คุณต้องออกไป เช่น ออกไปร้านสะดวกซื้อ ใกล้บ้าน ออกไปที่ห้าง คําถามคือ คุณว่าโอกาสกินขนมอันไหนมากกว่ากันครับ แน่นอน ถ้ามันอยู่ในบ้านแล้วใช่ไหม คือก็เดินไปฉีกกินเลยใช่ไหมครับ แต่ว่าถ้าต้องออกไปนอกบ้าน ต้องขับรถ หรือต้องเดินไป มันใช้แรงใช่ไหม มันมีแรงเสียดทานมากขึ้น ความอยากก็อาจจะลดลงก็ได้ คือแบบ ถ้ามันออกไปเปลี่ยนเสื้อ บางคนต้องแต่งหน้าก่อนด้วยน่ะ ก่อนจะออกไปอย่างเงี้ย คือ ถ้ามันใช้พลังงานเยอะขนาดนี้ คือไม่กินก็ได้ เห็นไหมครับว่า อะไรก็ตาม ถ้ามีแรงเสียดทานเข้ามาเนี้ย คุณจะใช้มันน้อยลง ทีนี้มาเรื่องของเงินบ้าง คุณก็ต้องเพิ่มแรงเสียดทาน ให้กับเงิน ให้มันใช้ยากที่สุดครับ ทํายังไงเช่น สมมุติว่าคุณได้เงินมาร้อยบาท คุณต้องตัดไปเลยครับ สมมุติน่ะ สามสิบบาทเนี้ย ฉันจะไม่ใช้ใช่ไหม ฉันจะออม ฉันจะลงทุนใช่ไหมครับ คุณก็โอนเงินไปที่อีกแอปหนึ่งใช่ไหมครับ อันเนี้ยคือ เริ่มเพิ่มความเสียดทานและ แต่มันก็ยังน้อยอยู่ครับ เพราะว่าทุกวันนี้คือ มันอยู่ในมือถือใช่ไหม ก็คือโอนกลับไป กลับมามันได้ใช่ไหม โอนไปแล้วสามสิบบาทแล้ว มันแบบจําเป็นต้องใช้อ่ะหรืออยากใช้ คุณก็แค่โอนกลับ หรือคุณก็ใช้ได้เลยจริงไหมฮะ เพราะฉะนั้นเนี้ย ลองทําแบบนี้ดูครับคือ สามสิบบาทนั้น ไปฝากอีกธนาคารหนึ่งครับ แล้วคุณไม่มีแอปพลิเคชันธนาคารนั้นถ้าคุณจะถอนสามสิบบาทนั้นได้ คุณต้องขับรถไปธนาคารเท่านั้น ในช่วงเวลาด้วยน่ะ ยากขึ้นจริงไหม เพราะฉะนั้นโอกาสที่คุณจะใช้สามสิบบาทนั้นก็น้อยลง จริงไม่จริง เพราะฉะนั้น นี่คือวิธีแรกครับ เพิ่มแรงเสียดทานให้กับการใช้เงินของคุณครับ มีอีกหลายวิธีนะครับ ที่จะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานให้กับการใช้เงินของคุณ เช่นเลิกใช้บัตรเครดิตครับ เพราะว่าบัตรเครดิตเนี้ย มันทําให้คุณเนี้ยรู้สึกว่า คุณน่ะไม่ได้ใช้เงินสดอยู่ครับ มันทําให้คุณสังเกตไหม ถ้าคุณมีบัตรเครดิตปุ๊บ คุณจะจ่ายง่ายขึ้น รูดปรื๊ด รูดปรื๊ด สมที่เขาพูดเลยใช่ไหมครับ เพราะว่ามันหลักการเดียวกัน เหมือนคาสิโนครับ เวลาคุณไปคาสิโน สังเกตไหมครับ บางคนบอกไม่เคยไป ผมก็ไม่เคยไปน่ะ ผมเคยเห็นอย่างเดียว เวลาคุณไปคาสิโนเนี้ย สังเกตไหมครับ ว่าคุณจะไม่ได้ใช้เงินสดใช่ไหม ไม่ได้แบบใช้เงินสดจ่ายงี้เลย จริงไหมครับ เขาให้คุณเนี่ย ไปแลกชิปมาก่อน เพราะว่ามันออกแบบมาอยู่แล้วครับว่า คุณจะรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่เงิน หรือความรู้สึกเป็นเงินมันน้อยลงครับ คุณก็จะกล้าใช้ กล้าจ่าย กล้าเดิมพันมากขึ้น หลักการเดียวกัน บัตรเครดิตนั้นมันทําให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้ใช้เงินอยู่ครับ มันเลยทําให้คุณเนี้ยใช้มากขึ้น เพราะฉะนั้นหนึ่งในวิธีการก็คือ เลิกใช้บัตรเครดิตไปเลยครับ พกแต่เงินสดและพกให้มันน้อยที่สุด ถ้าคุณลดการใช้บัตรลง พกแต่เงินสด ควักเงินสดแต่ละครั้งมันจะหนักกว่า นึกภาพดูนะครับ ถ้าวันเนี้ยคุณไม่มีบัตรเครดิตเลย แม้กระทั่งบัตรเดบิตก็ไม่มี จะใช้เงินแต่ละครั้ง คุณต้องไปธนาคารต่อคิวถอนเงิน ยากขึ้นแล้วเห็นไหม สอง พอเงินอยู่ในกระเป๋า ไม่มีบัตรน่ะเป็นเงินสด ทุกครั้งที่คุณจะซื้อมันตระหนักมากขึ้น เพราะว่ามันเห็นเงินออกคาตา สมมุติว่ามีคนสองคนแล้วกันนะครับ คนหนึ่งเนี้ยมีทุกบัตรเลย ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเนอะ ส่วนอีกคนหนึ่งคือไม่มีบัตรอะไรเลยครับ มีแต่เงินสด คําถามคือคุณว่าคนไหนจะใช้มากกว่ากัน แนวโน้มคนถือบัตรก็จะใช้เงินมากกว่าครับ
(04:43) อีกวิธีที่ช่วยเก็บเงินให้คุณเป็นอย่างดีเลย คือกด like ครับ กด Share กด Subscribe และกดกระดิ่งด้วย เพราะว่าคุณจะได้เนื้อหาดี ๆ แบบนี้ทุกสัปดาห์ เพราะมันจะทําให้คุณเนี้ยได้ ได้ความรู้เรื่องการเงิน ทําให้คุณเนี้ย ลดทั้งรายจ่ายและเพิ่มรายได้ ดีไหมครับอ่า
ข้อ 2 คุมอารมณ์
อันนี้ทํายากน่ะ แต่ต้องฝึกทําได้ครับพัฒนาได้ เพราะว่าคนเราเนี้ยนะครับ หลัก ๆ แล้วเนี้ย จะทําอะไรเนี้ยมีแค่สองอย่าง คือ ใช้เหตุผลหรือว่าใช้อารมณ์ และให้ทายว่าคนส่วนมากใช้อะไร ใช้อารมณ์ มันมีหนังสือเล่มหนึ่งครับ ชื่อว่า Thinking Fast and Slow
เขียนโดยอ่า Daniel Kahneman นะครับ เป็นหนังสือที่ดีมาก ๆ นะครับ ในหนังสือ Thinking Fast and Slow เนี้ยอธิบายไว้ สมองคนเราเนี้ยมีอยู่สองระบบครับ Fast system กับ Slow System ก็คือ เร็วกับช้านั่นเอง ใช่ไหม สมชื่อเลย เร็วก็คือมันจะทํางานเร็ว แล้วมักจะทํางานก่อน ชิงทํางานก่อน ก็คืออารมณ์ครับ Slow System คือเหตุและผล ซึ่งมันใช้พลังงานเยอะครับ ทีนี้เนี้ยเวลาเราเจออะไรก็ตาม เช่นเจอเสื้อผ้าสวย ๆ เจอของดูในแอป ดูในเว็บเนี้ย คือคุณว่าคุณใช้อะไร ส่วนมากจะเป็น คือ มันจะชิงทําก่อนเลย ตอนนี้เรากําลังจะฝึกใช้ Slow System ก็คือเหตุและผลครับแล้วเชื่อไหมครับ ว่าส่วนมากเนี้ย เราเนี้ยซื้อของโดยใช้อารมณ์ ไม่ใช่แค่ของเล็ก ๆ นะครับ ยันไปถึงของขนาดใหญ่ เช่น บ้านเลย ก็คืออารมณ์ครับ สังเกตไหมว่าเวลาบริษัทเหล่านี้เขาทําการตลาดเนี้ย มันจะไปที่อารมณ์ของคุณ ไปที่อารมณ์ของคนครับ เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกครับ ฝึกใช้เหตุและผล ถ้าในเชิงวิทยาศาสตร์หน่อยเนี้ย เหตุและผลคือตรงไหน รู้ไหม มันอยู่ตรงนี้ครับ สมองส่วนหน้าเรียกว่า Prefrontal Cortex ครับ เรากําลังจะฝึกตรงเนี้ย ให้ทํางานมากขึ้นครับ แล้วมันฝึกได้ด้วยนะครับ เหมือนเล่นกล้ามเลย ยิ่งใช้บ่อย ยกเวทที่มันหนักขึ้น แล้วก็หนักขึ้น หนักขึ้น แข็งแรงขึ้น แข็งแรงขึ้น เหมือนออกกําลังกายเลยครับ วิธีฝึกง่าย ๆ เช่นสมมุติว่า คุณกําลังจะซื้ออันนี้แล้ว คุณหยุดก่อน แล้วคุณรอเวลาให้มันผ่านไปสักหนึ่งวัน หรือเจ็ดวันเลย แล้วลองกลับมาดูว่ายังอยากซื้ออยู่หรือเปล่า สังเกตได้เลยว่าความอยากจะลดลง เพราะว่าเหตุและผล มันทํางานมากขึ้นครับ อีกอันหนึ่งก็คือที่ช่วยได้น่ะ ก่อนซื้ออะไรเขียนออกมาก่อน ข้อดีข้อเสียของการซื้อคืออะไร พอมันเขียนออกมาปุ๊บเริ่มเห็น อ๋อข้อดีมันสั้น ข้อเสียมันยาวมากเช่น โห เงินเก็บจะน้อยลง ลงทุนได้น้อยลงน่ะตอนเกษียณ เงินฉันจะไม่ค่อยมีน่ะ พอคุณเห็นงี้ปุ๊บเนี้ย
คือฝึกใช้เหตุผลแล้วครับ มันมีประโยคหนึ่งของ Warren Buffett บอกไว้เลยนะครับว่า If you can't control your emotions you can't control your money ครับ ถ้าคุณคุมอารมณ์คุณไม่ได้ คุณจะคุมเงินคุณไม่ได้ครับ ขอคั่นนิดเดียวครับ ไม่ว่าคุณเนี้ย จะดูเราเป็นประจําอยู่แล้วนะครับ หรือว่าบังเอิญผ่านมาเจอเรา อยากจะบอกว่าถ้า ได้เนื้อหาที่มันพิเศษกว่านี้ Exclusive กว่านี้ คุณสามารถร่วมเป็น Memberships Program กับเราได้ ซึ่งสิทธิพิเศษนั้นมีมากมายครับ รวมไปถึงการสด ๆ กันทุกเดือนด้วย สามารถกด JOIN ข้างล่างได้เลยครับ
ข้อ 3 Refinance
จริง ๆ หลายอย่างนั้น Refinance ได้นะครับ แต่ผมขอยกตัวอย่างหลัก ๆ แล้วกัน ก็คือบ้านละกัน หลายคนไม่ทราบนะครับ ว่าทุก ๆ สามปีนั้น คุณสามารถที่จะ Refinance บ้านได้นะครับ การ Refinance คือคุณจะ Refinance กับธนาคารเดิมก็ได้นะครับ หรือคุณจะไปธนาคารอื่นก็ได้ ธนาคารใหม่ก็ได้นะครับ หลัก ๆ คือเราเลือกอัตราดอกเบี้ยที่มันถูกที่สุดใช่ไหม แต่หลายคนไม่ได้ทํานะครับ พอมันผ่านสามปีไปใช่ไหมครับ มันจะเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หรือที่เรียกว่า MRR ปุ๊บ จากเดิมดอกเบี้ย ผ่อนบ้านอาจจะแบบสองสามสี่เปอร์เซ็นต์ มันจะกลายเป็นเจ็ดเปอร์เซ็นต์
(08:09) แปดเปอร์เซ็นต์ไปเลย ซึ่งมันต่างกันมหาศาล ไอไม่กี่เปอร์เซ็นต์เนี้ย แต่เงินต่างกันเยอะนะครับ ที่มันต่างกันเยอะเพราะว่า มันจ่ายต่างกัน เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จําไว้เลยนะครับน้อยคูณนาน เท่ากับมหาศาลครับ พอคุณ Refinance ทุกสามปีเนี้ย สิ่งที่ตามมาคือ ทําให้ดอกเบี้ยที่คุณจ่ายต่อเดือนนั้น มันค่อย ๆ น้อยลงเรื่อย ๆ นะครับ เพราะว่าเรายิ่งผ่อนไป ผ่อนไปนานขึ้นใช่ไหม ทั้งต้นและดอกมันค่อย ๆ ลดลงใช่ไหมครับ ห้าปี เจ็ดปี สิบปี ยี่สิบปี น้อย ๆ ลงเรื่อย ๆ แปลว่าคุณจะมีเงินเก็บ เงินไปลงทุนมากขึ้นครับ
ข้อ 4 อะไรทําเองได้ทํา
(08:43) ตรงตัวเลยครับ อะไรทําเองได้ ทําครับ จบ ไม่ใช่แล้ว ยกตัวอย่างเช่นนะครับ ถ้าคุณทํางานประจํา คุณไปที่ออฟฟิศใช่ไหมครับ ตอนเที่ยงก็กินข้าวใช่ไหม แล้วคุณต้องซื้อเขาใช่ไหมครับ จะข้าวแกงจะอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเทียบกับคุณทําไปเองจากที่บ้าน แน่นอนมันถูกกว่าอยู่แล้วครับ แต่หลายคนก็ไม่ค่อยทําหรอกครับ เพราะว่ากลัวดูไม่ดี ยกตัวอย่างเด็ก ๆ ก็ได้ครับ เด็กที่ไปโรงเรียนใช่ไหมครับ แล้วก็จ่ายค่ากับข้าวกลางวันนะครับ กับคุณพ่อคุณแม่ เตรียมข้าวกลางวันไปให้ เด็กบางคนก็จะอายใช่ไหมเขินอาย โอ้ย เพื่อนแบบไม่มีใครเป็นอย่างงี้เลย ฉันคนเดียวเงี้ยใช่ไหมครับอ่ะ หลักการจะคล้าย ๆ กัน
(09:19) เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องไม่แคร์คนด้วยนะครับ คนอื่นเขาจะตอนกลางวันไปกินอะไรเนี้ย กินอาหารญี่ปุ่นตบท้ายด้วยขนม ตบท้ายด้วยชานมไข่มุก กี่ร้อยบาทแล้วแต่ของคุณเนี้ย ทําเองไปใช่ไหม ต้องอย่าลืมนะครับว่า เพื่อนร่วมงานคุณเนี้ย ไม่ได้มารับผิดชอบชีวิตคุณน่ะ ใช่ปะครับ เกษียณได้ไม่ได้ เขาไม่ได้กังวลคนที่ต้องกังวล คนที่ต้องคิดคือคุณ ทีนี้ลองคิดตามครับว่า มีอะไรอีกบ้าง ที่คุณสามารถทําเองได้บ้างเช่น แทนที่จะสั่งพวก Grab Lineman นะครับ เดินไปกินแถวบ้านไหม ประหยัดขึ้นจริงไหมครับอ่ะ เดี๋ยวไปกินร้านอะไรถูกกว่าไหม ลองคํานวณดูนะครับ สมมุติบางคนนี้อยู่คอนโดน่ะ
(09:54) อยู่อพาร์ทเม้นท์นะครับ เอาผ้าไปจ้างคนอื่นซัก สมมุตินะครับอ่า ลองคิดดูว่าถ้าซักเองบางส่วนไม่ต้องทุกส่วนก็ได้ ถูกลงไหม ประหยัดขึ้นไหมนะครับ หรือบางคนก็ไม่ได้ใช้เสื้อผ้าเยอะอยู่แล้ว ซักเองหมดเลยได้ไหม แล้วถ้าคุณทําแบบนี้ได้นะครับ นอกจากคุณจะได้เงินเก็บที่มากขึ้นแล้ว คุณได้อะไรเพิ่มได้ไหมครับ คุณได้ความภาคภูมิใจมากขึ้นด้วยครับ ยังไม่รวมว่าระหว่างทําเนี้ย เช่นทําอาหารนะครับ หรือว่าซักผ้าเนี้ย คือคุณไม่ได้ใช้มือ มันทําให้คุณเนี้ยผ่อนคลายด้วย ถือว่าเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งนะครับ
ข้อ 5 ยกเลิกสมาชิกที่ไม่ได้ใช้
ต้องบอกว่าในช่วงประมาณสักห้าปีสิบปี ที่ผ่านมาเนี้ย
ธุรกิจที่เป็นที่นิยมมาก คือ Subscription Model หรือว่าเหมาจ่ายครับ ซึ่งมีเยอะด้วยน่ะทุกวันนี้น่ะ ยกตัวอย่างเช่น Netflix, Disney Plus YouTube Premium อะไรพวกเนี้ยคือ Subscription ใช่ไหมครับ ซึ่งจริง ๆ มันถูกมากเลยครับ มันไม่ได้เยอะน่ะ ห้าร้อยบาทบ้าง พันบาทบ้าง อย่างงี้นะครับ แต่ด้วยความที่มัน มีแบบนี้เยอะมากนะครับ ในทุกอุตสาหกรรมเลยครับ มือถือก็เหมาจ่าย Streaming ก็เหมาจ่าย Cloud ก็เหมาจ่าย หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง คือเช่น แอปแต่งรูปจากเดิมที่ผอมด้วยแอป เลิกใช้ผอมเองจริงดีกว่าไหม อย่างงี้เป็นต้น คือได้ออกกําลังกาย สุขภาพก็ดีขึ้นด้วยนะครับ
ต้องบอกว่าแต่ละอย่างมันไม่แพง แต่พอมีหลาย ๆ อันรวมกัน มันเริ่มแพงจริงไหมครับ เห็นไหมว่าถ้าคุณน่ะ ค่อย ๆ ประหยัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ แต่ยาวนาน เงินเก็บคุณจะมหาศาลครับ และนี่คือ 5 วิธีช่วยเพิ่ม เก็บมหาศาลครับ ถ้าคุณฟังแต่ละข้ออาจจะรู้สึกว่ามันเก็บได้ไม่เยอะน่ะ ทีละเล็กทีละน้อยแต่จะบอกว่าอย่าลืมนะครับ สมการคือน้อยคูณนานเท่ากับมหาศาลครับ อยากจะฝากสุดท้ายไว้ด้วยครับว่า ลดรายจ่ายเป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่จริง ๆ สําคัญกว่า คือ เพิ่มรายได้ครับ แล้วจะเพิ่มรายได้ ได้ยังไง คุณก็ต้องมีความรู้เพิ่ม คุณต้องมีความพยายามเพิ่ม มันเป็นการพัฒนาตัวเองด้วยครับ
สุดท้ายขอปิดด้วยคําคมนี้ครับ รายได้มีโอกาสไม่มา แต่รายจ่ายนั้นมาเสมอไม่เคยผิดครับ และถ้าคุณชอบเนื้อหาแบบนี้นะครับ อย่าลืมกด Like แน่น ๆ เลยบอก บอก YouTube ไปเลยให้รู้ว่า เฮ้ย ฉันเป็นคนชอบเนื้อหาด้านการเงินแบบนี้นะครับ แล้วอย่าลืมกด Subscribe แล้วก็กระดิ่งด้วยจะได้ไม่พลาด เจอเราทุกสัปดาห์ครับ แล้วไว้เจอกันอีพีหน้า โชคดีครับ สวัสดีครับ